โลกร้อน ทะเลทรายขยาย
พื้นที่ทะเลทรายบนโลกจะขยายตัวคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้น ถึง 34 เปอร์เซ็น จากการที่โลกร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะทำนายอนาคตของสภาพภูมิอากาศอย่างแม่นยำ ไม่คลาดเคลื่อน
อย่างคำทำนายของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) บอกว่า ภายในปี 2100 ทะเลทรายจะขยายตัวเพียง 10% โมเดลของ IPCC ได้ตัวเลขต่ำเนื่องจากไม่ได้ใช้ตัวแปรหลักตัวหนึ่งเข้ามาคำนวน นั่นคือ การที่เมื่อต้นไม้ตายลงไปจำนวนมาก ส่งผลให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่จะสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศได้มากกว่าเดิม และจะยังผลต่อเนื่องให้พื้นดินมีอุณหภูมิต่ำลง ส่งผลเสียให้มรสุมที่จะพัดพาลมและฝนเข้ามาจากมหาสมุทร หมดไป
จากการศึกษาของ Ning Zeng และ Jinho Yoon แห่ง University of Maryland การที่พื้นโลกโล่งเตียน และสว่างขึ้น อาจจะทำให้การขยายตัวของทะเลทรายสูงขึ้นถึง 3 เท่าก่อนหมดศตวรรษที่ 21 การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะมีผลกระทบกับคนจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำ ที่หายากอยู่แล้วในวันนี้ เพื่อการบริโภค เกษตรกรรม และกสิกรรม
อย่างไรก็ตาม การคาดหมายล่วงหน้านี้ ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้
CO2 หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช มีความเป็นไปได้ว่า CO2 ที่มนุษย์ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ จะเป็นผลดีต่อพืช เมื่อ คาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าก็อาจจะทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้มากขึ้น
ปัจจุบัน CO2 fertilization effect ก็ยังเป็นคำถาม ที่ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ทุกวันนี้ ว่ามันจะช่วยให้พื้นที่เสี่ยง รอดพ้นจากการกลายเป็นทะเลทรายได้หรือไม่ หรือว่าความแห้งแล้งจะรุนแรงเกินกว่าที่พืชจะทานทนได้
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ยังมีอีกตัวแปรที่ เซ่ง และ หยุ่น ไม่สามารถใส่เข้าไปในสถานการณ์จำลองได้ นั่นคือ ผลกระทบโดยตรงจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำฟาร์มอย่างต่อเนื่อง การสูญเสียพื้นที่พืชคลุมดิน จากการเลี้ยงสัตว์มากเกินไป และอัตราการบริโภคน้ำ รวมเข้าด้วยกันกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ อาจจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์ Dust Bowl* อีกครั้งอย่างที่เคยเกิดมาในอดีตกับสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1930
Benjamin Cook แห่ง Columbia University กล่าวว่า กับพื้นที่ที่จะกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งเพราะปรากฏการณ์โลกร้อน ขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินอย่างมากเช่นกัน เป็นไปได้มากที่สภาพ Dust Bowl* จะหวนกลับมาอีกครั้ง
*Dust Bowl - ปรากฏการณ์ของพายุฝุ่นรุนแรง ที่เกิดขึ้นในอเมริกา และแคนาดา ในช่วงปี ค.ศ. 1930-1936 ที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และการเกษตรกรรม ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากความแห้งแล้งอย่างรุนแรง และการทำการเกษตรต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยปราศจากการปลูกพืชหมุนเวียน และพืชคลุมดินจนทำให้ดินเสื่อมสภาพอย่างมาก
ถอดความจาก Deserts Expand Faster as Earth Brightens
โดย connectingbits.blogspot.com
โลกร้อน ทะเลทรายขยาย is licensed under a Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Thailand License.
![Reblog this post [with Zemanta]](http://img.zemanta.com/reblog_e.png?x-id=331972ea-0520-49ad-8903-abc12625a246)
พื้นที่ทะเลทรายบนโลกจะขยายตัวคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้น ถึง 34 เปอร์เซ็น จากการที่โลกร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะทำนายอนาคตของสภาพภูมิอากาศอย่างแม่นยำ ไม่คลาดเคลื่อน
อย่างคำทำนายของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) บอกว่า ภายในปี 2100 ทะเลทรายจะขยายตัวเพียง 10% โมเดลของ IPCC ได้ตัวเลขต่ำเนื่องจากไม่ได้ใช้ตัวแปรหลักตัวหนึ่งเข้ามาคำนวน นั่นคือ การที่เมื่อต้นไม้ตายลงไปจำนวนมาก ส่งผลให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่จะสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศได้มากกว่าเดิม และจะยังผลต่อเนื่องให้พื้นดินมีอุณหภูมิต่ำลง ส่งผลเสียให้มรสุมที่จะพัดพาลมและฝนเข้ามาจากมหาสมุทร หมดไป
จากการศึกษาของ Ning Zeng และ Jinho Yoon แห่ง University of Maryland การที่พื้นโลกโล่งเตียน และสว่างขึ้น อาจจะทำให้การขยายตัวของทะเลทรายสูงขึ้นถึง 3 เท่าก่อนหมดศตวรรษที่ 21 การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะมีผลกระทบกับคนจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำ ที่หายากอยู่แล้วในวันนี้ เพื่อการบริโภค เกษตรกรรม และกสิกรรม
อย่างไรก็ตาม การคาดหมายล่วงหน้านี้ ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้
CO2 หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช มีความเป็นไปได้ว่า CO2 ที่มนุษย์ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ จะเป็นผลดีต่อพืช เมื่อ คาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าก็อาจจะทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้มากขึ้น
ปัจจุบัน CO2 fertilization effect ก็ยังเป็นคำถาม ที่ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ทุกวันนี้ ว่ามันจะช่วยให้พื้นที่เสี่ยง รอดพ้นจากการกลายเป็นทะเลทรายได้หรือไม่ หรือว่าความแห้งแล้งจะรุนแรงเกินกว่าที่พืชจะทานทนได้
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ยังมีอีกตัวแปรที่ เซ่ง และ หยุ่น ไม่สามารถใส่เข้าไปในสถานการณ์จำลองได้ นั่นคือ ผลกระทบโดยตรงจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำฟาร์มอย่างต่อเนื่อง การสูญเสียพื้นที่พืชคลุมดิน จากการเลี้ยงสัตว์มากเกินไป และอัตราการบริโภคน้ำ รวมเข้าด้วยกันกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ อาจจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์ Dust Bowl* อีกครั้งอย่างที่เคยเกิดมาในอดีตกับสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1930
Benjamin Cook แห่ง Columbia University กล่าวว่า กับพื้นที่ที่จะกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งเพราะปรากฏการณ์โลกร้อน ขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินอย่างมากเช่นกัน เป็นไปได้มากที่สภาพ Dust Bowl* จะหวนกลับมาอีกครั้ง
*Dust Bowl - ปรากฏการณ์ของพายุฝุ่นรุนแรง ที่เกิดขึ้นในอเมริกา และแคนาดา ในช่วงปี ค.ศ. 1930-1936 ที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และการเกษตรกรรม ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากความแห้งแล้งอย่างรุนแรง และการทำการเกษตรต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยปราศจากการปลูกพืชหมุนเวียน และพืชคลุมดินจนทำให้ดินเสื่อมสภาพอย่างมาก
ถอดความจาก Deserts Expand Faster as Earth Brightens
โดย connectingbits.blogspot.com
โลกร้อน ทะเลทรายขยาย is licensed under a Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Thailand License.
Aug. 19, 2009 -- As the world warms over the next century, global deserts could expand by as much as 34 percent, according to a new study, swallowing an area roughly the size of the United States.
Predicting what the future holds for climate is a tricky business; nothing is ever certain.
But our best guess is that human-induced global warming is going to dry out much of the arid lands in Africa's Sahel region, areas around the Mediterranean Sea, the fringes of China's Gobi desert, parts of South America and southwestern North America.
Moderate estimates by the Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) predict that deserts will expand 10 percent worldwide by the year 2100. But it could be much worse.
The computer models the IPCC used for their latest estimate neglected a key aspect of climate: When trees dry out and die en masse, they leave behind a brighter landscape that reflects more sunlight back out into space.
This causes land to stay cooler, a death sentence for arid regions that rely on heat to draw in nourishing monsoonal winds and rain from the ocean...(continue)
